(ขณะอายุ 30 ต้นๆ)
ซึ่งเป็นโรคกรดไหลย้อนที่มีสาเหตุจากความเครียดนะครับ
1. ใน 2 – 3 คำแรกของอาหารแต่ละมื้อ ควรทานโปรตีนจากเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อไก่ เนื้อปลา ฯลฯ ก่อนอาหารประเภทอื่น เพราะการทานโปรตีนในคำแรกๆเป็นการกระตุ้นการสร้างน้ำย่อย เป็นการบอกร่างกายว่า ถึงเวลาที่จะต้องย่อยอาหารแล้ว และที่สำคัญอย่าลืมเคี้ยวให้ละเอียดมากๆด้วยนะครับ และโปรดจำไว้ว่า ใน 2 – 3 คำแรก อย่าทานของเผ็ด ของเปรี้ยว ของมัน ผักสด ผลไม้สด ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม น้ำตาล ผักต้ม และข้าว (ผมเรียงลำดับโทษจากมากไปน้อย โปรดระวังด้วยนะครับ)
2. เมื่อทานอาหารอื่นไปครึ่งมื้อแล้ว ค่อยเริ่มทานผักต้มครับ
บวมหอมต้ม มีฤทธิ์เย็น ผมแนะนำให้ทุกคนที่เป็นโรคกรดไหลย้อนทาน โดยเฉพาะผู้ที่มีสาเหตุจากกรดเกินในกระเพาะอาหารทานครับ ดีมากๆเลย และควรทานให้มากในมื้อเย็น บวบหอมต้มจะช่วยลดอาการแสบท้อง ร้อนท้อง แสบหน้าอก ปวดท้องเหมือนลำไส้ถูกบิดได้ครับ
เช่น ผักหวานบ้าน, คะน้า, ผักกวางตุ้ง, ผักกาดแก้ว (ผักสลัด), ตำลึง, ผักบุ้ง, บล็อคโครี่ ฯลฯ ผักเหล่านี้ควรทานให้มากในมื้อเช้าและมื้อกลางวัน โดยขณะรับประทาน เน้นบริโภคคำเล็กๆ และเคี้ยวผักเหล่านี้ให้ละเอียดมาก 2 – 3 นาทีต่อ 1 คำ ก่อนกลืนผักให้ใช้ลิ้นช่วยจัดผักให้เป็นชิ้นเล็กๆ แผ่นแบนๆ (ไม่ไห้เป็นก้อน) เพื่อเป็นการกระจายกากใย เพราะกากใยในผัก ช่วยซับกรด ดูดซับน้ำตาลส่วนเกิน ทำความสะอาดลำไส้ ช่วยให้ลำไส้มีการเคลื่อนไหว เปรียบเหมือนเรามีหมอนวด นวดอาหารให้เคลื่อนไหวในลำไส้ บรรเทาอาการท้องผูก ให้มีการขับถ่าย และไล่ลมออกทางทวารหนัก (ตด) บ่อยครั้งที่ ผมทานผักพวกนี้ลงไปแล้วจะเรอไล่ลมขึ้นมาทันทีเลยครับ (คนละอย่างกับดื่มน้ำ แล้วน้ำไปแทนที่ลม จนเราเรอออกมานะครับ)
ผักสีขาวเป็นผักที่ย่อยง่าย เช่น กะหล่ำปลี ผักกาดขาว ดอกกะหล่ำปลี โตวเหมี่ยว ควรทานให้มากในมื้อเย็น
ประโยชน์พิเศษของกะหล่ำปลี
นักวิจัยหลายท่านเห็นด้วยกับการใช้กะหล่ำปลี ในการรักษาแผลในกระเพาะอาหาร เพราะกะหล่ำปลีประกอบด้วยซัลเฟอร์ ซึ่งช่วยในขบวนการหายของแผล สมานแผล รักษาการอักเสบ ช่วยซ่อมแซมผิวหนังและช่วยกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย (ที่มา : คัดลอกจากหนังสือ “น้ำทิพย์จากธรรมชาติ ทางลัดเพื่อสุขภาพจากผักและผลไม้” โดยทันตแพทย์จักรชัย และทันตแพทย์หญิงภัทรา หน้า 43 พิมพ์ครั้งที่ 4)
ผักเหล่านี้ เมื่อเคี้ยวจะมีน้ำเป็นเมือก เหนี่ยวๆข้นๆออกมา คล้ายกับน้ำราดหน้า กระเพาะปลา เช่น ผักปลัง ผักดอกกระเจี๊ยบ (หาซื้อได้ในร้านขายน้ำพริก) ผักเหล่านี้เหมาะสำหรับคนที่มีสาเหตุจากความเครียด มีกรดเกินในกระเพาะอาหารนั้นเอง โดยรับประทานผักเหล่านี้เป็นคำสุดท้ายของมื้ออาหาร เพื่อให้เมือกเหล่านี้ ไปเคลือบกระเพาะและลำไส้ ป้องกันอาการแสบท้อง ป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร
มีกากใยสูง เหมาะสำหรับดูดซับน้ำตาลส่วนเกิน คำแนะนำจากประสบการณ์ส่วนตัว ผมจะทานเม็ดแมงลักตอนที่หิวข้าว เริ่มแสบท้องในมื้อเช้าครับ บางครั้งรถติดแต่ถึงเวลาที่ต้องทานอาหารมื้อเช้าแล้ว ผมก็จะทานเม็ดแมงลักครับ บรรเทาไปก่อน และหากในช่วงดึกมีอาการหิวและแสบท้องขึ้นมา ก็จะทานเม็ดแมงลักครับ เป็นการป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร
กล้วยน้ำว้าดีมากๆ เพราะมีฤทธิ์เย็นในกระเพาะอาหารแต่จะมีฤทธิ์ร้อนที่ลำไส้ในการช่วยย่อยอาหาร ใช้เคลือบลำไส้ได้ดี เพราะจะเป็นเมือกเมื่ออยู่ในลำไส้
คำแนะนำเพิ่มเติม
หากโรคกรดไหลย้อนของท่านมีสาเหตุเกิดจากความเครียด มีกรดเกินในกระเพาะอาหารโดยมีอาการแสบท้อง ร้อนท้องร่วมด้วย เป็นต้น แนะนำให้ทานผักสีเขียวควบคู่กับกะหล่ำปลี ในสัดส่วน มื้อเช้า 80:20 กลางวัน 50:50 เย็น 30 :70 และมื้อเย็นอย่าลืมบวบหอมต้มนะครับ
1. หากอุจจาระของท่าน มีสีเหลือง เป็นก้อนยาวสวยติดกัน ไม่มีกลิ่น และจมน้ำแสดงว่าท่านมีระบบขับถ่ายที่ดี
2. หากอุจจาระของท่าน มีลักษณะเหมือนขี้แพะ เล็กๆ ไหลออกเร็ว ไม่ได้เป็นก้อนติดกัน แสดงว่าระบบย่อยอาหารของท่านมีความเป็นกรดจากน้ำกรดในกระเพาะอาหารหรือมีความเป็นกรดจากอาหารที่รับประทาน คือ ผมให้ท่านลองทดลองด้วยตนเองดูนะครับว่า วันไหนท่านลองทานอาหารรสหวาน ไอศกรีม หรือแป้งละเอียด เช่น ขนมเปียะ ขนมเทียน ขนมปังหรือผักสดบริโภคปริมาณสักครึ่งมือสุดท้ายของอาหารมื้อเย็นดูครับ อุจจาระของท่านจะเป็นเหมือนขี้แพะเลยครับ (ผมทดลองแล้วครับ)
ผักหวานต้ม (ประทับใจมาก)
เป็นผักที่มีกากใยสูงมาก เป็นผักฤทธิ์เย็น ผมทานแล้วสบายท้องสุดๆ เรียกได้ว่าประทับใจจริงๆครับ เส้นใยของผักหวานช่วยทำความสะอาดลำไส้ได้เป็นอย่างดีมาก ช่วงที่ผมเป็นหนัก ผมทานคู่กับบวบหอมต้ม เรียกได้ว่า สบายท้องจริงๆครับ แถมถ่ายคล่องมากๆด้วยครับ
ผักกาดแก้วต้ม (ผักสลัดต้ม) (ประทับใจมาก)
เป็นผักสีเขียวที่ย่อยได้ง่ายมากๆ มีกากใยสูง ถ่ายคล่องมากๆ
เลยครับ
โตวเหมี่ยวต้ม (ประทับใจมาก)
เป็นผักสีขาว ที่มีมีกากใยสูงมาก ย่อยง่ายมากด้วย ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการหนัก หรือผู้ที่ไม่สามารถเคี้ยวอาหารได้ละเอียด ผมรับประทานโตวเมี่ยวในมื้อเย็น รุ่งเช้าผมถ่ายได้คล่องมากครับ
บวบหอมต้ม (ประทับใจมาก)
กะหล่ำปลี (ประทับใจมาก)
เป็นผักสีขาว ประกอบด้วยซัลเฟอร์ ซึ่งช่วยในขบวนการหายของแผล สมานแผล รักษาการอักเสบ ช่วยซ่อมแซมผิวหนังและช่วยกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย เหมาะสำหรับคนที่เป็นโรคกรดไหลย้อนจากความเครียด
ผักที่มีน้ำตาลน้อย และ ผักที่มีน้ำตาลสูง
ผักที่มีน้ำตาลน้อย
ผักตั้งโอ๋ มะละกอดิบ กะหล่ำปลี คะน้า น้ำเต้า ผักกาดขาว ผัดกาดเขียว ผัดกาดแดง ผัดกาดหอม ผักโขม บวมเหลี่ยม ถั่วงอก เห็ดบัว ผักตำลึง บวบงู ฟักเขียว
ผักที่มีน้ำตาลสูง (ควรเลือกและจำกัดปริมาณในการรับประทาน)
ฝักทอง หัวหอมเล็ก สะระแหน่ คึ่นฉ่าย มะเขือเขียว ต้นหอม หัวผักกาดเหลือง ถั่วฟักยาว มันแกว ดอกกะหล่ำปลี มะระ หอมหัวใหญ่ พริกหยวก ต้นกระเทียม พริกชี้ฟ้า ขิง หน่อไม้ไผ่ ขนุนดิบ ถั่วลันเตา หัวปลี ผักชี มะเขือเปราะ มะรุม มะเขือม่วง สายบัว ถั่วงอกหัวโต ใบมะขามอ่อน กระเจี๊ยบ
ที่มา: แผ่นผับ “การควบคุมอาหาร สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน” จากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ
2. แคนตาลูป – เป็นพืชฤทธิ์เย็น แต่เย็นน้อยกว่าแตงไทย ผมทานแล้วสบายท้อง ท้องไม่อืด อาหารย่อยได้ดี
3. ชมพู่ – ไม่หวาน ไม่เปรี้ยว มีกากใยช่วยในการขับถ่าย
2. ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวทุกชนิด มะเขือเทศ แก้วมังกร ฝรั่ง เสาวรส มะนาว เพราะมีวิตามินซีสูง เมื่ออยู่ในกระเพาะอาหารจะมีฤทธิ์เป็นกรด ทำให้จุกท้อง ท้องป่อง และสำหรับคนที่เป็นหนัก จะมีอาการแสบท้องร่วมด้วย
No comments :
Post a Comment